โดยปีนี้ มั่นใจว่าธุรกิจให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร จะเป็นธุรกิจดาวเด่น (New S-curve) ที่จะขยายฐานและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น จากการเติบโตที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการลดจำนวนสาขาและตู้ ATM ของธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ โดยเราจะเข้าไปทำหน้าที่ทดแทน เพื่อให้คนไทยกว่า 75% หรือ 51 ล้านคน ที่ยังมีพฤติกรรมการใช้เงินสดเป็นหลัก เข้าถึงบริการทางการเงินได้ ซึ่งในจำนวนนี้มีถึงกว่า 30 ล้านคนที่ไม่มีบัญชีเงินฝาก รวมไปถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ยังคงใช้เงินสดอยู่ จากพฤติกรรมดังกล่าว ปีนี้บริษัทจะรุกให้บริการเปิดบัญชีธนาคารผ่านบริการพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) และเพิ่มบริการ “ตู้ถอนเงินสด (Mini ATM)” ไปยังพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีธนาคารหรือตู้ ATM เพิ่มจากปัจจุบันที่มีให้บริการฝากเงิน และโอนเงิน โดยวางเป้าหมายให้ “ตู้บุญเติม” เปรียบเสมือนสาขาธนาคารในชุมชน ที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ครบวงจรภายในตู้เดียว ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการธนาคารได้มากขึ้น
ส่วนบริการสินเชื่อ ยังคงเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มตัวแทนตู้บุญเติม เพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนสำหรับดำเนินธุรกิจจากบริการต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามาทำให้ตู้บุญเติมมี Ecosystem ทางการเงินครบวงจร สร้างความสะดวกสบายต่อลูกค้าที่มีความต้องการบริการทางการเงินทุกกลุ่ม
“คาดว่าปี 2564 จะมีจำนวนธุรกรรม Banking Agent เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปี 2563 ที่ปัจจุบันเป็นตัวแทนให้บริการทางการเงินกับ 6 ธนาคาร และอยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารพาณิชย์เพิ่มเติม มั่นใจว่าจากบริการใหม่ที่เพิ่มเข้ามา จะทำให้บริษัทสามารถรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ให้บริการตู้อัตโนมัติได้อย่างต่อเนื่อง” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ บริษัทจะเพิ่มศักยภาพตู้บุญเติมให้มีความเป็น“ตู้อัจฉริยะ” มากขึ้น โดยติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่น กล้องและเครื่องอ่านบัตร เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการใหม่ๆ เช่น บริการรับชำระค่าเบี้ยประกันต่าง ๆ โดยเฉพาะ พ.ร.บ. รถจักรยานยนต์และประกันโควิด-19 โดยมีแผนติดตั้งตู้ใหม่เพิ่มอีก 5,000 ตู้ในปีนี้ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งและเข้าไปทดแทนตู้ของคู่แข่งที่มีบริการน้อยกว่า และมีแนวโน้มลดลงในภาพรวม ของอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ยังมุ่งกลยุทธ์การบริหารจัดการตู้บุญเติม เน้นทำเลคุณภาพ เพื่อเพิ่มยอดเติมเงินและชำระเงิน รวมทั้งจำนวนครั้งการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและการกระจายสินค้า บริษัทเตรียมเปิดตัว “คาเฟ่อัตโนมัติ” ภายใต้แบรนด์ “เต่าบิน” ชูนวัตกรรมเครื่องชงเครื่องดื่มคุณภาพพรีเมี่ยมกว่า 80 เมนู ด้วยเมล็ดกาแฟและวัตถุดิบคุณภาพสูง จุดเด่นคือ สามารถควบคุมรสชาติได้มาตรฐานเดียวกันทุกแก้ว ในราคาที่คุ้มค่า คาดว่าจะเปิดตัวเต็มรูปแบบในไตรมาสแรกปีนี้ โดยมีเป้าหมายขยายจุดติดตั้ง 20,000 เครื่อง ภายใน 3 ปี นอกจากนี้ จะเดินหน้าขยายจุดติดตั้งตู้จำหน่ายน้ำมันอัตโนมัติและดำเนินธุรกิจกระจายสินค้าให้ร้านค้าปลีกชุมชน (โชห่วย) ทั่วประเทศ รวมถึงตู้ชาร์จไฟฟ้า (EV Charger) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งการให้บริการของบริษัทให้มากขึ้น
“ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ มีการขยายบริการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ ทำให้เกิดการกระจายรายได้จากธุรกิจดั้งเดิม เพิ่มความสมดุลของสัดส่วนรายได้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ตอกย้ำจุดแข็งของบริษัทในเรื่องนวัตกรรม สามารถผลิตตู้รูปแบบต่าง ๆ เพื่อรองรับโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ได้เสมอ โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติ จากจำนวนทำเลตู้บุญเติม ที่กระจายในทุกชุมชน ทั่วประเทศกว่า 130,000 ตู้ ให้บริการครบวงจรมากที่สุดครอบคลุม 86 บริการ ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด พร้อมลูกค้าที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ล้านคน ซึ่งเรามั่นใจได้ว่า FSMART จะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว